ยินดีต้อนรับสู่ห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี"อำเภอวิเศษชัยชาญ เปิดบริการ ตั้งแต่เวลา 8.30 - 17.00 น.ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

ค้นหาบล็อกนี้

สาระน่ารู้ประจำเดือน

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการนอน

ในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง บางคนอาจจะลืมรักษาสุขภาพเพราะเพลินกับการเฮฮาปาร์ตี้มากไป ฉะนั้น การที่ได้รับรู้ความสำคัญเกี่ยวกับการพักผ่อน โดยเฉพาะการนอนหลับ จึงน่าจะช่วยสะกิดเตือนให้ผู้รักสุขภาพทั้งหลาย ระมัดระวังในช่วงแห่งการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไม่มากก็น้อย และยิ่งเป็นคุณผู้หญิงแล้วละก็ การอดนอนคู่มากับหน้าตาและผิวพรรณโดยตรง เพราะเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการนอนนี้ เครื่องสำอางเอสเต ลอเดอร์ เป็นผู้รวบรวมมาเผยแพร่
การนอน คือ เวลาที่ร่างกายผลิตโปรตีนเพิ่มขึ้น ซึ่งคือการสร้างเซลล์ผิว กระบวนการเสริมการผลิตโปรตีน จะเป็นการฟื้นบำรุงเนื้อเยื่อและเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยเสริมการฟื้นบำรุงผิวนั่นเอง
การนอน มีส่วนสำคัญในกระบวนการความจำ สมาธิ และการฟื้นบำรุงจากการถูกทำร้ายของเซลล์ผิวของร่างกายระหว่างวัน การอดนอนอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอ้วน, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ และโรคติดเชื้อต่างๆ
ฮอร์โมนความเครียดที่มากเกินไป ที่เกิดจากการนอนไม่เพียงพอ อาจทำให้การผลิตคอลลาเจนของผิวทำงานช้าลง
การอดนอน อาจส่งผลให้การไหลเวียนเส้นเลือดไม่ดี ทำให้เกิดอาการตาบวม หรือเกิดถุงใต้ตาได้
การหลับในในทุกขั้น มีผลโดยตรงต่อการแอนติออกซิแดนต์ ซึ่งมีผลต่อการเกิดผิวร่วงโรยก่อนวัย
การฟื้นบำรุงเนื้อเยื่อ ก็เกิดขึ้นในช่วงการนอนเช่นกัน รวมถึงการฟื้นสภาพผิวจากการทำร้ายในระหว่างวันจากแสงยูวี การพักผ่อนอย่างเพียงพอ จึงเป็นการช่วยให้ผิวฟื้นบำรุงตัวเองอย่างเต็มที่
อุณหภูมิปรกติของร่างกายของเราไม่ใช่ 37 องศาตลอดเวลาอย่างที่เข้าใจกัน สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปที่สุขภาพแข็งแรงดี เวลานอนในช่วงกลางคืนอุณหภูมิร่างกายจะลดลงต่ำที่สุดในช่วงเวลา 04.00-05.00 น.
อุณหภูมิการนอนและร่างกาย จะมีผลกระทบโดยตรงจากปฏิกิริยาของแสงแดดและความมืดในวงจรของแต่ละวัน ที่มีต่อเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในสมอง ความมืดทำให้เมลาโทนินเพิ่มขึ้นและอุณหภูมิของร่างกายลดลง ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น
มนุษย์มีการนอนโดยเฉลี่ยน้อยกว่าสัตว์ตระกูลลิงอย่างชิมแปนซี, กระรอก หรือบาบู อยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งสัตว์พวกนั้นมีการนอนโดยเฉลี่ย 10 ชั่วโมง
ช่วง REM ของการนอน เกิดขึ้นประมาณ 2 ชั่วโมงต่อคืน โดยปรกติแล้วจะเริ่มต้นหลังจากหลับไปแล้วประมาณ 90 นาที
เด็กวัยรุ่นต้องการการพักผ่อนมากพอๆ กับเด็กเล็กๆ คือประมาณ 10 ชั่วโมง ในขณะที่คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีต้องการน้อยที่สุด คือประมาณ 6 ชั่วโมง โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่ที่มีอายุ 25-55 ปี
การนอนประมาณ 8 ชั่วโมงถือว่ากำลังดีที่สุด




หลับสบาย ด้วยอาหาร 6 อย่าง


ไม่ได้มาแนะนำเมนูสูตรเด็ดนะคะ แต่สำหรับคุณ ๆ ที่นอนหลับยาก อาหารต่อไปนี้ช่วยได้ค่ะ
1. กล้วย
มีสารทริปโตฟาน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทำให้สมองหลั่งสาร Melotonin และ Serotonin ซึ่งจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบ ซึ่งจากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Wisconin พบว่าโพแทสเซียมจากกล้วย ทำให้ยีนส์ที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดไปสู่เซลล์ ทำงานได้คงที่เป็นปกติ กล้วยจึงเป็นอาหารที่ดีและช่วยให้นอนหลับสบาย
2. แซนด์วิชไก่งวงโฮลวีต
แม้จะออกแนวฝรั่ง แต่แซนด์วิชไก่งวงชิ้นเล็ก ๆ จากขนมปังโฮลวีต ที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก ก็เป็นตัวกระตุ้นอินซูลีน ช่วยให้กรดอะมิโนหลั่งเข้าสู่สมอง ทำให้หลับง่ายขึ้นค่ะ
3. นมอุ่น ๆ
ช่วยให้สบายท้อง พอสบายท้อง ก็ทำให้หลับสบายไงคะ
4. ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตอุดมไปด้วยคาร์โบรไฮเดรต ซึ่งจะทำให้สารทริปโตฟานหลั่งเข้าสู่สมอง การผสมข้าวโอ๊ตกับนม นับว่าเป็นยานอนหลับชั้นดีเลยค่ะ เพียงชามเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยธัญญาหารก็ช่วยให้หลับสบายไร้กังวลแล้ว
5. น้ำผึ้ง
ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี และยับยั้งแบคทีเรีย พบว่าน้ำผึ้งเล็กน้อยจะช่วยให้สมองยับยั้งโอเร็กซิน สารที่คอยกระตุ้นให้เรานอนหลับไม่สบายค่ะ ตรงกันข้าม ถ้ารับความหวานมากไป ก็จะทำให้ร่างกายตื่นตัวนะคะ
6. อัลมอนด์
อัลมอนด์มีแมกนีเซียมสูง ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้หลับสบายด้วย

8 สูตรสวยจากภายใน

ร่างกายที่แข็งแรงกับจิตใจที่ดี มักมาคู่กัน ถ้าจิตใจรู้สึกดี มีความสุข ร่างกายก็พลอยเปล่งปลั่งตามไปด้วย ขอแนะนำเคล็ดลับดูแลกายใจให้คุณแม่ตั้งครรภ์ สวยจากภายในแล้วเปล่งความสดใสมาถึงภายนอกกันค่ะ
1. กินอาหารครบ 5 หมู่
เน้นผักผลไม้ ปลา ข้าวกล้อง นม โฮลวีต ไข่ ตับ ถั่ว ปลาตัวเล็ก ธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารขยะ ของหวาน อาหารกระป๋อง อาหารที่มี สารกันบูด ครีม น้ำตาล ชา กาแฟ เครื่องดื่มน้ำอัดลม ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
Good your protect เลือกอาหารจากธรรมชาติที่สะอาดสด ใหม่
Bad your food ซื้ออาหารที่ไม่มีฉลากระบุส่วนประกอบ, วันหมดอายุ

2. ออกกำลังสม่ำเสมอ
แอโรบิก เป็นการออกกำลังที่ดีขณะตั้งครรภ์ ควรอบอุ่นร่างกาย 5-10 นาทีก่อนเริ่ม ให้เริ่มออกกำลังเบาๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มขึ้น ไม่ควรหักโหม ขณะออกกำลังสามารถพูดคุยสั้นๆ ได้โดยไม่มีอาการหอบเหนื่อย
Good your protect ออกกำลังเบาๆ 30 นาที/ครั้ง ทำ 3 ครั้ง/สัปดาห์
Bad your food วิ่งจ๊อกกิ้งเป็นกีฬาที่หักโหมจนเกิดอาการเจ็บหน่วง

3. พักผ่อนเพียงพอ
ถ้าสังเกตว่าตัวเองไม่ต้องตื่นจากนาฬิกาปลุก รู้สึกแจ่มใสพร้อมทำงานไม่หลับๆ ตื่นๆ ไม่หาวบ่อยตอนกลางวัน ตื่นได้ในเวลาเดิมทุกวัน โดยไม่ต้องนอนชดเชย หรือตื่นสายเป็นพิเศษในวันหยุด แสดงว่านอนเพียงพอ
Good your protect จัดห้องนอนให้เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้ดี
Bad your food กินอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน หรือใส่เสื้อผ้าคับๆ

4. ทำสมาธิ
เมื่อจิตใจสงบ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขที่ช่วยคลายความเจ็บปวด ขณะตั้งครรภ์ ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานดี คุณแม่จึงควรทำสมาธิ สวดมนต์ เดินจงกรม ฟังดนตรีเสียงธรรมชาติวันละ 10 นาที-1 ชม. เวลาใดก็ได้
Good your protect การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องหลับตา นั่งนิ่งๆ อย่างเดียว
Bad your food ฝืนทำสมาธิทั้งที่รู้สึกไม่สบาย หรือทำในที่ที่อบอ้าว

5. ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย
จิตใจที่เป็นสุขย่อมช่วยให้ร่างกายผลิตเอนดอร์ฟิน ส่งผลให้ระบบต่างๆทำงานดีขึ้น ซึ่งวิธีผ่อนคลายมีมากมาย ได้แก่ ทำงานอดิเรก เช่น วาดรูป ทำงานฝีมือ ทำอาหาร ปักครอสติช ถักโครเชต์ หรืออ่านหนังสือก็ได้ค่ะ
Good your protect หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียด
Bad your food ฝืนทำงานบ้านหรืองานประจำทั้งที่รู้สึกเหนื่อยมาก

6. งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เป็นตัวทำลายความชุ่มชื้นของผิว เพราะมีผลทำให้สมองส่วนที่ควบคุมระดับน้ำของร่างกายขับน้ำมากกว่าปกติ ทำให้น้ำในเซลล์ผิวมีปริมาณลดลง ผิวจึงแห้ง ไม่เปล่งปลั่ง จึงเป็นตัวบ่อนทำลายเซลล์ผิวให้เสื่อมเร็วกว่าวัย
Good your protect หาเครื่องดื่มอย่างอื่นทดแทน เช่น น้ำผลไม้สด นมหรือน้ำเปล่า
Bad your food ดื่มแทนอาหารเช้าจนติดเป็นนิสัย หรือหลังอาหารเย็นจนหลับยาก

7.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
งานวิจัยพบว่าผู้สูบบุหรี่จะเกิดริ้วรอย ทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัย 20 ปี ควันบุหรี่จากการสูบเอง หรือได้รับจากผู้อื่นทำให้กล้ามเนื้อหดตัว เกิดรอยตีนกา ร่องย่นรอบดวงตา หน้าผาก เพราะสารอาหารไปเลี้ยงผิวไม่เพียงพอ
Good your protect พยายามงดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการเที่ยวกลางคืน หรือที่ที่มีควันบุหรี่
Bad your food เกรงใจเพื่อน ผู้สูบบุหรี่อื่นอยู่ใกล้ตัว จึงไม่ยอมเลี่ยงควันบุหรี่

8. หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดดจัดนอกจากจะทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังแล้ว ยังทำให้เกิดฝ้า จุดด่างดำหรือกระ ทั้งกระสี-น้ำตาล หรือกระขาว แล้วยังเป็นตัวเร่งให้ผิวเกิดรอยย่น เหี่ยว ทำให้แก่ก่อนวัย และเกิดรอยตีนกามากขึ้น
Good your protect เลี่ยงแสงแดดช่วง 10.00-15.00 น.ที่รังสีอัลตราไวโอเลตสูงสุด

ไม้ (ประ) ดับพิษ (Momypedia)




ถึงแม้การใช้ชีวิตในออฟฟิศอาจมีเรื่องแย่ ๆ บ้าง อย่างการที่สุขภาพย่ำแย่ เพราะต้องสูดดมไอระเหยที่เป็นพิษจากเครื่องใช้สำนักงานทั้งหลาย แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ใจร้ายเกินไป ท่านยังประทานเรื่องดี ๆ ไว้ให้เราต่อสู้กับปัญหานี้
เพราะมีต้นไม้หลายชนิดที่สามารถลดสารพิษที่อยู่ในอากาศพวกนี้ได้ ซึ่งจะเป็นเฉพาะพืชในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเราเท่านั้น ที่เป็นอย่างนี้เนื่องจากพืชเล็ก ๆ พวกนี้ล้วนต้องผ่านการปรับตัวให้อยู่รอดในภาวะที่มีแสงน้อย อันเป็นลักษณะของป่าร้อนชื้น มันจึงต้องเก็บเกี่ยวเอาสารต่าง ๆ ที่ไม้ใหญ่คายออกมาให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง
การปรับตัวตามกลไกสมดุลธรรมชาตินี้เอง ที่ทำให้พืชเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษในการ "ดูดสารพิษ"
หลังจากที่ต้นไม้ดูดซับก๊าซต่าง ๆ เข้าไปทางใบ มันจะส่งสสารแห่งมลพิษนี้ไปสู่รากที่มีจุลินทรีย์อาศัยอยู่รอบ ๆ และเจ้าจุลินทรีย์นี่เองที่เป็นผู้ย่อยสลายสารพิษในอากาศพวกนี้
การคายน้ำของพืชก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่ลดสารพิษในอากาศลง เพราะกระบวนการคายน้ำนั้นทำให้เกิดความร้อน ในขณะที่น้ำไหลจากรากขึ้นไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืชอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดความร้อนก็มีการไหลเวียนของอากาศ อากาศก็จะถูกดึงลงไปสู่ดินรอบ ๆ ราก
ตัวอย่างของไม้ประดับพวกนี้คือ หมากเหลือง จั๋ง ปาล์มไผ่ ไทรใบเล็ก ไทรย้อยใบแหลม เฟิร์นบอสตัน เดหลี วาสนาอธิษฐาน ประกายเงิน พลูด่าง มรกตแดง ออมทอง สาวน้อยประแป้ง เขียวหมื่นปี ฟิโลใบหัวใจ ลิ้นมังกร เสน่ห์จันทร์แดง แววมยุรา เศรษฐีเรือนใน ดอกหน้าวัว กุหลาบหิน
ต้นไม้เหล่านี้ นอกจากจะดับพิษที่เป็นสารเคมีแสนอันตรายต่อร่างกายได้แล้ว สิ่งที่มันทำได้อีกอย่างคือ สามารถดับพิษที่เป็นความขุ่นข้องแสนอันตรายต่อใจ เมื่อสายตาของเราเลื่อนไปจับใบเขียว ๆ ค่ะ